แบงก์ 20 ช่วยชีวิต แท็กซี่รอดหวุดหวิดหลังโดนหนุ่มหัวร้อนคว้ามีดปักอก

แบงก์ 20 ช่วยชีวิต แท็กซี่รอดหวุดหวิดหลังโดนหนุ่มหัวร้อนคว้ามีดปักอก

วานนี้ (19 ส.ค.) นายสิทธิชัย อุไร อายุ 27 ปี อาชีพช่างต่อเติมตกแต่งภายใน ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจสน.แสมดำ แล้ว หลังใช้มีดปักอก นายกิติพงษ์ มากจงดี อายุ 53 ปี คนขับรถแท็กซี่คู่กรณี และมีคลิปบันทึกเหตุการณ์ระทึกนี้เผยแพร่ว่อนโซเชียลมีเดีย

นายสิทธิชัย ยอมรับว่าเป็นคนก่อเหตุดังกล่าวจริง และทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ 

อยากจะขอโทษสังคมและขอโทษผู้เสียหาย เจ้าตัวขอยอมรับผิดทุกอย่าง และอยากให้ทุกคนให้อภัยกับที่สิ่งที่ทำรุนแรงลงไปด้วย ก่อนหน้านี้ ได้มีการเผยแพร่คลิป ที่นายสิทธิชัย ขี่มอเตอร์ไซค์แซงปาดหน้าแท็กซี่ที่นายกิติพงษ์ขับมา และเกิดความไม่พอใจเพราะถูกนายกิติพงษ์บีบแตรใส่ จึงพยายามขี่เข้ามาเพื่อหาเรื่อง และเกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้น จากนั้นนายสิทธิชัยก็คว้ามีดขึ้นมาแทงที่หน้าอกของนายกิติพงษ์ เคราะห์ดีที่นายกิติพงษ์ไม่ได้รับบาดเจ็บมากเพราะมีดปักโดนธนบัตร 20 บาทที่พับอยู่ในกระเป๋าเสื้อ อย่างไรก็ตาม นายสิทธิชัย ก็ยังไม่ลดละ ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายกิติพงษ์ จนสลบล้มหัวฟาดขอบทางเท้าได้รับบาดเจ็บหนัก ก่อนจะมีประชาชนผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าห้าม ทำให้นายสิทธิชัยหลบหนีไป

พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายสิทธิชัย ในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ, พกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย

จำคุก “เปรมชัย” 6 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง เจ้าสัวเปรมชัย – วันที่ 20 ส.ค. เวลา 10 นาฬิกา ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1144/2561 จำเลยคือ นายเปรมชัย กรรณสูตร อายุ 65 ปี ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ความผิดฐาน มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ.2490 จำเลย (นายเปรมชัย) มีอาวุธปืนยาวไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊บ 1 กระบอกไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตภายในบ้านพักเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ตรวจพบเมื่อวันที่ 7 ก.พ.61

วันที่ 1 พ.ค.61 ในชั้นสอบคำให้การจำเลย  “นายเปรมชัย” ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา นายเปรมชัยให้การคำรับสารภาพ พร้อมยื่นคำร้องประกอบต่อศาลเพื่อพิจารณา วันที่ 20 ส.ค. นายเปรมชัยเดินทางมาฟังคำพิพากษา ก่อนฟังคำพิพากษานได้อำนาจให้ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ลงโทษสถานเบา หรือรอลงอาญา ระบุว่า 1.จำเลยจะขออุปสมบท (บวช) ที่สัดบวรนิเวศหรือวัดอื่นเป็นเวลา 15 วันเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล 2.จำเลยจะบริจาคเงินส่วนตัว 3 ล้านบาทเพื่อเป็นการสาธารณประโยชน์ และ 3.จำเลยจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาวุธปืนอีกตลอดชีวิต

ผลคำพิพากษาปรากฏว่า ศาลตัดสินลงโทษจำคุก 1 ปีตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7 , 72 วรรคหนึ่ง จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา เนื่องจากพฤติการณ์จำเลย ยังมีโทษคดีอาญาจำคุกอีก 2 คดีในศาลจังหวัดทองผาภูมิและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 อยู่ด้วย ทั้งนี้เมื่อฟังคำพิพากษาเสร็จ ทนายได้ขอวางหลักทรัพย์เพื่อปล่อยตัวนายเปรมชัยชั่วคราว เพื่อสู้คดีต่อในชั้นอุทธรณ์

หนุ่มคลั่งแทงเมียดับ-บุกห้องฉุกเฉิน โดน 4 ข้อหาหนัก

จากกรณีที่นายราเชน ขาวนิ่ม อายุ 39 ปี มีอาการเมาคลุ้มคลั่ง และแทงภรรยาคือ นางวันดี สมบูรณ์ อายุ 45 ปี บาดเจ็บสาหัสภายในบ้านที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ก่อนจะตามไปที่รพ.ห้วยยอด และคว้ามีดพร้าบุกเข้าไปในรพ.พร้อมกับถามหาภรรยา เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา

นายราเชนได้ผลักประตูห้องฉุกเฉินเข้าไป สร้างความแตกตื่นให้ให้คนไข้ หมอ พยาบาล โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่กู้ภัย และตำรวจได้พยายามเกลี้ยกล่อม แต่เจ้าตัวกลับใช้มีดพร้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ศูนย์เปลที่เข้ามาขวาง ทำให้ตำรวจต้องใช้ปืนยิงขาขวาจนล้มลงและหยุดคลั่ง ก่อนจะถูกรวบตัวในที่สุด ส่วนภรรยานายราเชนก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล

วันนี้ (20 ส.ค.) ตำรวจสภ.ห้วยยอด ระบุว่า ขณะนี้ผู้ต้องหารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตรัง และถูกแจ้ง 4 ข้อหาคือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.บุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่า จะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน 3.พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ 4.พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันควร

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ต.วีระชัย หนูชู สารวัตรปราบปราม ที่ใช้อาวุธปืนประจำกายขนาด 11 มม. ยิงใส่ขาขวาของนายราเชน เนื่องจากนายราเชนพยายามไล่ฟันด้วยมีดพร้า และถือเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ย้ายสิบตำรวจตรีเอกพล จุ้ยส่องแก้ว กลับไปทำปฏิบัติหน้าที่จราจรเหมือนเดิม เพื่อไม่ให้เสียขวัญกำลังใจ ด้าน สำนักงานศาลยุติธรรมระบุว่าทราบเรื่องแล้ว จะตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบุคคลดังกล่าวเป็นข้าราชการศาลจริงหรือไม่ หากพบว่าเป็นข้าราชการศาลก็จะดำเนินการตามขั้นตอน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 พ.ค พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ให้รอผลการนำ ผกก.และ ส.ต.ต.จราจร ไปปรึกษาหารือกับ ผบช.ภ.8 ก่อน บ่ายวันนี้ สิบตำรวจตรีเอกพล จุ้ยส่องแก้ว ตำรวจจราจรได้ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องแล้ว